Please use this identifier to cite or link to this item:
https://rbkm.kmutt.ac.th/xmlui//handle/123456789/3815
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.author | ปณัตดา ยอดแสง | - |
dc.contributor.author | อรวรรณ ดวงภักดี | - |
dc.contributor.author | ปรีชา รอดอิ่ม | - |
dc.contributor.author | พรรณปพร กองแก้ว | - |
dc.date.accessioned | 2022-04-26T08:52:48Z | - |
dc.date.available | 2022-04-26T08:52:48Z | - |
dc.date.issued | 2563 | - |
dc.identifier.uri | https://modps76.lib.kmutt.ac.th/xmlui//handle/123456789/3815 | - |
dc.description | 75 หน้า : ภาพประกอบ | - |
dc.description.abstract | ต้นผึ้งเป็นไม้เนื้ออ่อน ตระกูลไทร มีทรงพุ่มและพูพอนบริเวณรากขนาดใหญ่ เปลือกมีผิวเรียบ มีกลิ่นหอม ผึ้งหลวงมักมาทำรังเนื่องจากศัตรูของผึ้งปีนขึ้นมารบกวนยาก เมื่อมีผึ้งหลวงมาทำรัง ทำให้เกิดความหลากหลายทางระบบนิเวศ เพราะผึ้งหลวงเป็นแมลงผสมเกษตรที่ดีในธรรมชาติ ในอดีตอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี มีต้นผึ้งมากมาย แต่ปัจจุบันลดจำนวนลงไปมาก เหลือเพียง 27 ต้น จากการสำรวจกิดจากปัญหาภัยธรรมชาติ เช่นน้ำท่วม ไฟป่า รวมทั้งการสร้างที่อยู่อาศัยหรือทำการเกษตรใกล้ต้นผึ้ง ทำให้มีสารเคมีปนเปื้อนไปกับน้ำ สู่ต้นผึ้ง การตอกทอยเพื่อขึ้นไปเก็บน้ำผึ้งหลวง ทำให้ต้นผึ้งอ่อนแอและตายลง เมื่อต้นผึ้งหายไป ผึ้งหลวงก็หายไปด้วย จึงผลโดยตรงต่อระบบนิเวศโดยตรง นอกจากนี้ยังพบว่าอัตราการงอกของต้นกล้าผึ้งในธรรมชาติและเพาะปลูกต่ำมาก งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อหาวิธีอนุรักษ์ต้นผึ้งไว้ โดยนำไมคอร์ไรซาซึ่งเป็นราอิงอาศัยของพืช เพราะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยแร่ธาตุที่สะสมในดินจนแข็งตัว รวมทั้งอินทรียวัตถุต่างๆ เช่น ฟอสฟอรัส ไนโตรเจน และโพแทสเซียม และเมื่อไมคอร์ไรซาฝังตัวในรากพืชจะทำให้พื้นที่ผิวของรากเพิ่มมากขึ้น รายังทำหน้าที่คล้ายกับรากฝอยของพืช จึงสามารถดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้นด้วย จากการศึกษาความหลากหลายของราไมคอร์ไรซาจากบริเวณดินและรากของต้นผึ้ง 20 ต้น ในจังหวัดราชบุรีและประจวบคีรีขันธ์ พบสปอร์ของราชนิด arbuscular mycorrhizal ที่มีการแทรกเส้นใยเข้าไปในชั้นผิวและคอร์เทกในรากของต้นผึ้ง โดยเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่ม Gigaspora sp., Glomus sp., และ Acaulospora sp. จำนวน 9 แบบ เมื่อทดลองนำไมคอร์ไรซาเพื่อช่วยในการงอก การอยู่รอด และการเจริญเติบโตของต้นผึ้ง เปรียบเทียบระหว่างดินที่มีการฆ่าเชื้อไมคอร์ไรซา (ควบคุม) และดินที่มีไมคอร์ไรซา (ทดลอง) พบว่าอัตราการงอกและการรอดของต้นกล้าในดินกระถางทดลอง มากกว่าดินกระถางควบคุมถึง 80 และ 70 เท่า ตามลำดับ และเมื่อทำการย้ายกล้าลงถุงเพาะชำ พบว่าต้นกล้าในดินที่มีไมคอร์ไรซาเจริญเติบโตเร็วกว่าดินที่ไม่มีไมคอร์ไรซาถึง 50 เท่า รวมทั้งต้นกล้ามีความสมบูรณ์มากกว่าด้วย จากผลการทดลองทั้งหมดได้นำมาถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องไมคอร์ไรซาและต้นผึ้ง ให้กับเจ้าหน้าที่อุทยานธรรมชาติวิทยาและครู นักเรียนของโรงเรียนสินแร่สยาม จำนวน 50 คน จากการอบรมพบว่า แม้ต้นผึ้งจะเป็นพืชประจำถิ่นของอำเภอสวนผึ้ง แต่คนในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่รู้จักต้นผึ้ง และไม่รู้วิธีการเพาะต้นผึ้ง หลายคนเริ่มสนใจที่จะดูแลรักษาต้นผึ้งให้อยู่คู่กับพื้นที่ต่อไป | - |
dc.publisher | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ราชบุรี, 2563 | - |
dc.source | สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) | - |
dc.subject | KMUTT research reports | - |
dc.subject | ราไมคอร์ไรซา | - |
dc.subject | รากต้นผึ้ง | - |
dc.title | ความหลากหลายของราไมคอร์ไรซาจากรากต้นผึ้ง ในเทือกเขาตะนาวศรี จังหวัดราชบุรีและประจวบคีรีขันธ์ | - |
dc.type | Research Report | - |
Appears in Collections: | Research |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
2560-ความหลากหลายของราไมคอร์ไรซาจากรากต้นผึ้ง-ปณัตดา-ทุน วช..pdf | ความหลากหลายของราไมคอร์ไรซาจากรากต้นผึ้ง ในเทือกเขาตะนาวศรี จังหวัดราชบุรีและประจวบคีรีขันธ์ | 12.53 MB | Adobe PDF | View/Open |
14.jpg | ความหลากหลายของราไมคอร์ไรซาจากรากต้นผึ้ง ในเทือกเขาตะนาวศรี จังหวัดราชบุรีและประจวบคีรีขันธ์ | 286.88 kB | JPEG | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.